จากหัวข้อการศึกษา "อุตสาหกรรมหนังไทย 4.0" ในประเด็นนี้ จะนำเสนอถึงแง่มุม ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ถึงนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หรือโมเดลพัฒนาระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ว่าจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้อย่างไร ความเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้ดีหรือแย่ลงอย่างไร หรือจะสามารถส่งผลในด้านการประกอบอาชีพหรือไม่
จากการศึกษาความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มีการพลิกผัน เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์สำคัญ ตลอดจนผลกระทบจากด้านต่างๆ อาทิเช่น การเมือง การปกครอง, เศรษฐกิจ, สงคราม หรือ การศึกษา ทั้งนี้ ก็เพื่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมหนังไทยทั้งสิ้น ถึงแม้จะอยากหรือไม่อยากเปลี่ยนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้น การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งในอดีต ก็ล้วนส่งผลให้หนังไทยยังคงยืนหยัดอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างสง่า
นโยบายไทยแลนด์ 4.0 โมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ประเทศไทยในทุกๆ ด้านอย่างแน่นอน และการประกาศนโยบายนี้ของรัฐบาลก็มาพร้อมความคาดหวังจากประชาชนเช่นกัน แต่ในมุมด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์หนังไทย จะส่งผลมากหรือน้อยอย่างไร หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์หรือไม่ นาย ศศิน นิคมภักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหนังไทย จะให้คำตอบเรา
บทสัมภาษณ์
ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีค่ะ แนะนำตัวหน่อยค่ะ
ศศิน: ชื่อ กาน ศศิน นิคมภักดิ์ ครับ
ผู้สัมภาษณ์: ทำหน้าที่อะไรในกองถ่ายคะ
ศศิน: ถ้าทำกองถ่ายนักศึกษาก็ทำหน้าที่ตากล้อง แต่ถ้าทำงานข้างนอก ก็จะทำหน้าที่ผู้ช่วยกล้อง หรือเสลทครับ
ผู้สัมภาษณ์: แล้วอย่างนี้ สโคปงานเป็นอย่างไรบ้างคะ หน้าที่นี้
ผู้สัมภาษณ์: คิดว่าเศรษฐกิจในทุกวันนี้ มีผลต่ออาชีพของเราไหมคะ
ศศิน: เศรษฐกิจมีผลยังไง มันก็ชิ่งเหมือนกันหมดนะ ผมว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าก็มีเงินให้เราน้อย งานเราก็ต้องทำหนักเพิ่มขึ้น มันมีปัญหาเหมือนกันหมด
ผู้สัมภาษณ์: เคยโดนผลกระทบจากเศรษฐกิจกระทบกับการทำงานของเราบ้างไหม
ศศิน: ยัง ตอนนี้เรายัง เพราะว่ายังไม่ได้ทำเต็มตัว ตอนนี้ทำแค่ฟรีแลนซ์
ผู้สัมภาษณ์: แล้วคิดว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ 4.0 จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังไงบ้างคะ
ศศิน: เอ่อ ถ้าส่งผล ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขียนอะไรมาก็ยังดูไม่ค่อยชัดเหมือนกัน ก็ไม่รู้อนาคตด้วย แต่ถ้ามันส่งผลในด้านที่มันไม่ดี ก็อาจจะส่งผลกับพวกโรงหนัง เราอาจจะมีโรงฉายน้อย ก็นั่นแหละถ้ามันส่งผลกระทบกับพวกบริษัทลูกค้า ก็อาจจะมีผลต่อรายได้เรา
ผู้สัมภาษณ์: แล้วถ้าเป็นผลในด้านดีล่ะคะ คิดว่ามันจะเป็นยังไง
ศศิน: ก็ถ้ามันดีเนี่ย ไอพวกธุรกิจเล็กๆ พวก SME พวกทางรายการช่องโทรทัศน์ ถ้าเศรษฐกิจมันดี ก็จะมีช่องทางใช้สื่อ เพราะยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีก็กำลังมา ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น SME เยอะขึ้น บางทีก็จะหันมาใช้บริการเรา
ผู้สัมภาษณ์: นอกจากการพัฒนาเศรษฐกิจ 4.0 แล้ว คิดว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังไทยได้
ศศิน: ปัจจัยใช่ไหม เอาปัจจัยหลักเลย น่าจะอยู่ที่คน เพราะว่าการรับรู้ของคนหรือว่าการสนใจของคนส่วนใหญ่ เราว่าตรงนี้สำคัญมากกว่า ว่าสนใจที่จะดูแบบไหน อยากเห็นงานในรูปแบบไหน ถ้าเกิดเค้าได้เห็นงานดีๆ มันก็จะช่วยพัฒนาคนไปด้วย สมมุติว่าเค้าชอบแต่หนังแบบนี้ แล้วมันไม่ตรงกับที่เราอยากทำ เหมือนพวกหนังตลก ก็ดูแต่หนังตลก ก็ไม่ดูอย่างอื่น อย่างหนังรักไทยก็ขายแต่ หนังรอมคอม แต่ก็อยู่ที่คนผลิตด้วย เค้าผลิตแต่หนังสไตล์เดียว ไม่มีความหลากหลาย คนดูก็ไม่ได้รับความหลากหลาย เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมหนังในไทยก็ยังยาก คิดว่านะ
ศศิน: ช่วยเรื่องอาชีพหรอ ไม่รู้ดิ เราเห็น 4.0 มันยังเป็นอะไรที่ลอยๆ อยู่ ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะว่าดูจากตอนนี้แล้วเนี่ยเราค่อนข้างถูกปิด ก็เลยแบบว่าไม่คาดหวังอะไรจากมันเท่าไหร่ เพราะว่าการพูดหรือการทำงานให้มันหลายๆ แบบเนี่ยก็อาจจะถูกจำกัดมากขึ้น
หลังจากที่ได้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ นาย ศศิน นิคมภักดิ์ ถึงแง่มุม ความคิดเห็นต่อนโยบายการพัฒนาเศรษกิจไทย 4.0 ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ทำให้ทราบว่านอกจากนโยบายนี้แล้ว ก็ยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ อีก ที่จะช่วยขับเคลื่อนหนังไทยได้ ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจดี แต่ทรัพยากรบุคคล ทีมงาน ทัศนคติของผู้ชม ตลอดจนค่ายหนังต่างๆ ก็ต้องช่วยกันด้วย เราจะรอเพียงนโยบายเศรษฐกิจไม่ได้ เราทุกคนในอุตสาหกรรมนี้ต้องช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงเอง เพื่อให้ประสิทธิภาพดีและทัดเทียมอุตสาหกรรมหนังในประเทศอื่นๆ ด้วย
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น